337 ผลลัพธ์ สำหรับ 

*ขอบเขต*

 ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น: ขอบเขต, -ขอบเขต-
Longdo Unapproved MED - TH**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
Terms of Reference
(n, phrase)ขอบเขตของงาน, รายละเอียด เงื่อนไขหรือข้อกำหนด, ข้อกำหนดการศึกษา
NECTEC Lexitron-2 Dictionary (TH-EN)
(n)boundarySee Also:range, extent, bound, border, precinctSyn.อาณาเขต, ขอบข่าย, เขต, บริเวณExample:การจัดการเรียนการสอนเฉพาะในขอบเขตห้องเรียนย่อมไม่ก่อให้เกิดผลต่อการพัฒนาการเรียนการสอน
(n)limitSee Also:confine, scope, marginSyn.ข้อจำกัด, ข้อกำหนด, เงื่อนไขExample:การเล่นกีฬาต้องอยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้
(ประธานคณะกรรมการมีกำหนดจะประกาศรายชื่อนักการเมืองที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยเรื่องการทุจริต)
(n)outside the scope ofAnt.ในขอบเขต, ภายในขอบเขตExample:การกระทำของคุณตอนนี้อยู่นอกขอบเขตแล้วนะThai Definition:ออกนอกบริเวณที่กำหนดไว้
(adv)over the limitSyn.เลยขอบเขตAnt.ในขอบเขตExample:รถคันนั้นขับเร็วเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดThai Definition:ที่เลยจากขอบเขตที่กำหนดไว้
(v)be over the limitSyn.เลยขอบเขตAnt.ในขอบเขตExample:ท่านจงมีความหยิ่งในชาติกำเนิดของท่าน แต่อย่าหยิ่งจนเกินขอบเขตThai Definition:เลยจากขอบเขตที่กำหนดไว้
(v)overstepExample:ชาวบ้านรู้สึกว่าผู้ใหญ่บ้านทำเกินขอบเขตกว่าอำนาจที่ตนมี
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
น. อาณาเขต, ขอบข่าย, ข้อจำกัด.
ไร่ล้มลุกที่ถางป่าเป็นหย่อม ๆ ตามเนื้อที่และกั้นเป็นขอบเขตไว้.
(กฺรอบ) น. สิ่งที่ประกอบตามริมวัตถุมีรูปภาพเป็นต้น, โดยปริยายหมายความว่า ขอบเขตกำหนด เช่น ทำงานอยู่ในกรอบ.
น. สิ่งที่กำหนดขอบเขตสิทธิหรืออำนาจไว้โดยเฉพาะ.
น. ขอบเขตงานหรือความรู้ที่อยู่ในความรับผิดชอบ.
ขอบเขต เช่น เรื่องนี้ไม่อยู่ในข่ายที่จะพิจารณา.
พูดหรือทำเกินขอบเขต เช่น คะนองปาก คะนองมือ
น. ขอบเขตแห่งกรรมสิทธิ์ เช่น แดนแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดิน กินทั้งเหนือพ้นพื้นดินและใต้พื้นดินด้วย.
น. หนังสือสำคัญก่อตั้งนิติบุคคลที่กำหนดขอบเขตแห่งอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลนั้น.
(ทะวีบ) น. เปลือกโลกส่วนที่เป็นพื้นดินซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว้างขวาง มี ๗ ทวีป คือ เอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และแอนตาร์กติกา บางทวีปกำหนดนํ้าล้อมรอบเป็นขอบเขต เช่น ทวีปออสเตรเลีย ทวีปแอนตาร์กติกา บางทวีปกำหนดภูเขา ทะเล แหล่งอารยธรรมเป็นต้น เป็นแนวแบ่งเขต เช่น ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป
(บอริเวน) น. พื้นที่ภายในขอบเขตที่กำหนดไว้ เช่น บริเวณบ้าน บริเวณโบสถ์ บริเวณวัด บริเวณสนามหลวง.
ก. ฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีขอบเขตกั้นไว้หรือมีสิ่งกีดขวางเป็นต้น เช่น บุกป่า บุกเข้าไปในค่ายทหาร, โดยปริยายหมายถึง ไปถึงด้วยความลำบาก เช่น อุตส่าห์บุกมาถึงบ้าน.
(เปฺรดตะ-) น. ภูมิหรือขอบเขตที่อยู่แห่งเปรต, เปตวิสัย ก็ใช้. (ส. ไปตฺรฺย + วิษฺย; ป. เปตฺติวิสย).
น. ที่ดินริมนํ้าเป็นขอบเขตทะเล แม่นํ้า ลำคลอง เป็นต้น.
(-เพฺรื่อ) ว. เกินขอบเขต, บ่อย ๆ ไม่เป็นกิจจะลักษณะ, เช่น พูดพร่ำเพรื่อ, เพรื่อ ก็ว่า.
น. บริเวณที่กำหนดขึ้นเพื่อประกอบพิธี เช่นกำหนดขอบเขตขึ้นด้วยการกั้นแผงราชวัติ ฉัตร หรือธง.
(เพฺรื่อ) ว. เรี่ยราด เช่น น้ำหกเพรื่อ, เกินขอบเขต, บ่อย ๆ ไม่เป็นกิจจะลักษณะ, เช่น พูดเพรื่อ, พร่ำเพรื่อ ก็ว่า.
ก. รู้จักขอบเขตความสามารถของตนเองและผู้อื่น.
ว. เกินขอบเขตที่กำหนด เช่น ล้ำเส้นเขตแดน เขาชอบทำงานล้ำเส้นคนอื่น.
น. รูปที่มีเส้นที่โค้งเข้ามาบรรจบกัน ล้อมรอบเป็นขอบเขตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น วงกลม วงรี, โดยปริยายหมายถึงลักษณะที่รวมกันเป็นหมู่เป็นกลุ่ม เช่น วงราชการ วงดนตรี
น. พระนามพระโพธิสัตว์ชาติที่ ๑๐ ในทศชาติ, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีใจกว้างขวางชอบให้ของแก่ผู้อื่นอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เช่น ใจกว้างเหมือนพระเวสสันดร มีอะไรให้เขาหมด.
น. แผ่นดินซึ่งมีขอบเขตเป็นปริมณฑล เช่น แว่นแคว้นตะนาวศรี ฝ่ายเขาเล่าก็สามพารา เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น (อิเหนา).
มากเกินขอบเขตที่ควรเป็น, ตึงหรือหย่อนเกินไป, เช่น การปฏิบัติสุดโต่ง.
ว. พ้นขอบเขตที่จะพึงทำ, พ้นความสามารถ.
น. สิทธินอกเหนือขอบเขต, สิทธิเหนือกฎหรือระเบียบที่วางไว้, สิทธิที่ได้รับนอกเหนือไปจากกฎหรือระเบียบที่วางไว้.
(-พาก) น. ช่วงคะแนนหรือขอบเขตของคะแนนเป็นต้นในขั้นหนึ่ง ๆ ในตารางแจกแจงความถี่ เช่น อันตรภาคของคะแนนตั้งแต่ ๘๖-๑๐๐ เป็นอันดับ ๑.
ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
๑. ขอบเขต, บริเวณ๒. ปริมณฑล[รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
บทกฎหมาย, ขอบเขตของบทกฎหมาย[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
๑. ขอบเขต, บริเวณ๒. ปริมณฑล[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ขอบเขตล่าง[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ขอบเขตที่ดิน[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ขอบเขตบนน้อยสุด [ มีความหมายเหมือนกับ supremum ][คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
การจำกัดขอบเขตการค้า[รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
การจำกัดขอบเขตการค้า[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
กฎว่าด้วยขอบเขตแห่งดินแดน[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
การแยกของชั้นขอบเขต[พลังงาน ๒๖ ม.ค. ๒๕๔๕]
ขอบเขตของมอนสัน[ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕]
อย่างเต็มที่, ไม่มีขอบเขต[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ขอบเขตสอบวิเคราะห์[ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖]
ขอบเขตการบังคับบัญชาที่ยอมรับได้[รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
มีขอบเขตบน[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
มีขอบเขตล่าง[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ฟังก์ชันมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ลำดับมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
เซตมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
มีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
๑. ขอบเขต๒. แบบมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ตัวแปรแบบมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
๑. การกำหนดเขต, การปักปันเขตแดน (ก. ระหว่างประเทศ)๒. การกำหนดขอบเขตอำนาจ (ก. ปกครอง)[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ขอบเขตล่างมากสุด [ มีความหมายเหมือนกับ infimum ][คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ขอบเขตแฟ้ม[คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔]
ขอบเขตสัตวชาติ[ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖]
ขอบเขต, แดน[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ขอบเขตแห่งสิทธิจำนอง, สิทธิจำนองครอบเพียงใด (ปพพ.)[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
๑. การเพิ่มระดับ (การทำสงคราม)๒. การขยายขอบเขต (การทำสงคราม)[รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
ขอบเขตการบังคับบัญชาที่ยอมรับได้[รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
๑. (ครรภ์)ครบกำหนด [ มีความหมายเหมือนกับ term, full ]๒. กำหนดเวลา๓. ขอบเขต๔. คำศัพท์[แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
กฎว่าด้วยขอบเขตแห่งดินแดน[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
การจำกัดขอบเขตการค้า[รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
การจำกัดขอบเขตการค้า[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ข้อกำหนดขอบเขตแห่งกรรมสิทธิ์ (ในทรัพย์ที่ยกให้)[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
ไม่มีขอบเขตบน[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ไม่มีขอบเขตล่าง[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
บริเวณไม่มีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ลำดับไม่มีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ขอบเขตบน[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
เป็นเครื่องหมายกำหนดขอบเขตปริมณฑลพระราชพิธี[ศัพท์พระราชพิธี]
หลุมสำรวจขอบเขตExample:หลุมประเมินผล (Appraisal well) ที่เจาะโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหาขอบเขตของแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม[ปิโตรเลี่ยม]
ระบบ, ที่รวมของส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน มีจุดประสงค์ร่วมกัน และมีขอบเขตโดยแน่ชัด เช่น คอมพิวเตอร์เป็นระบบ เพราะประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาตามที่ผู้ใช้กำหนด ร่างกายมนุษย์เป็นระบบเพราะประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ ระบบทั้งหลายต้องรับอินพุดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าไปในระบบ ต่อจากนั้นจึงนำอินพุดเหล่านั้นมาดำเนินการให้เกิดเป็นเอาท์พุต หรือปรับอินพุดหรือการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การนำเอาท์พุดมาพิจารณาแล้วปรับ ดังนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feedback)[คอมพิวเตอร์]
กระบวนการเจริญเติบโตเกินขอบเขตExample:เป็นกระบวนการที่เป็นตัวชักนำธาตุอาหารไปสู่ สิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะ ธาตุฟอสฟอรัส ไนโตรเจน ฯลฯ โดยมีสาเหตุจากสภาพเทคโนโลยี ในปัจจุบันที่มนุษย์ใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งมีส่วนประกอบของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมอย่างมาก และธาตุอาหารเหล่านี้อาจ แพร่กระจายไปในพื้นที่บริเวณกว้างโดยการชะล้างของฝน และการชักนำของน้ำ เมื่อแพร่กระจายไปรวมตัวอยู่ในบริเวณใดเป็นจำนวนมาก พืชในบริเวณนั้นก็จะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากเกินขอบเขต ซึ่งจะก่อให้เกิดอัตราดูดซึมธาตุอาหารอื่นเข้าไปสู่สิ่งมีชีวิตเพิ่มมากขึ้น จากอัตราปกติหรือเป็นจำนวนมาก [สิ่งแวดล้อม]
การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก " เป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรี ต่างประเทศของประเทศคู่เจรจาของอาเซียน (Dialogue Partners) ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย จีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป ผู้สังเกตการณ์ (Observers) ของอาเซียน ได้แก่ ปาปัวนิวกินี และประเทศอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น มองโกเลียและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) โดย ARF ได้ใช้ ""geographical footprint"" หรือขอบเขตทางภูมิศาสตร์ เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณารับสมาชิกใหม่ ปัจจุบัน ARF มีประเทศสมาชิก 22 ประเทศ กับ 1 กลุ่ม (สหภาพยุโรป) โดยมีการประชุมเป็นประจำทุกปีในช่วงต่อเนื่องกับการประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting - AMM) เป็นเวทีปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ระดับพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และพัฒนาแนวทางการ ดำเนินการทางการทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy) ที่มุ่ง ป้องกันการเกิดและขยายตัวของความขัดแย้ง โดยใช้มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Confidence Building Measures - CBMs) ระหว่างกัน ทั้งนี้ ARF มีการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2537 และไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ARF ระดับรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 นอกจากการประชุม ARF ประจำปีแล้วยังมีการดำเนินกิจกรรมระหว่างปี (Inter-sessional Activities) ในสองระดับ คือ กิจกรรมที่เป็นทางการ (Track I) และกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ (Track II) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับสถาบันวิชาการของ ประเทศผู้เข้าร่วม ARF ได้แก่ (1) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนว่าด้วยมาตรการสร้างความไว้เนื้อ เชื่อใจของ ARF (ARF Inter-sessional Support Group on Confidence Building Measures - ARF ISG on CBMs) (2) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Disaster Relief - ARF ISM on DR) (3) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการรักษาสันติภาพของ ARF (Inter-sessional Meeting on Peace-keeping Operations - ARF ISM on PKO) และ (4) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการประสานและร่วมมือด้านการค้นหาและกู้ภัย ของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Search and Rescue Coordination - ARF ISM on SAR) "[การทูต]
การประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการลดอาวุธระหว่างประเทศ มีขอบเขตความรับผิดชอบเกี่ยวกับประเด็นด้านการลดอาวุธทุกด้าน และมีหน้าที่ รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ประเทศ(ไทยมิได้เป็นสมาชิก) โดยที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ด้านการลดอาวุธหลายฉบับ ที่สำคัญได้แก่ สนธิสัญญาไม่แพร่อาวุธนิวเคลียร์ อนุสัญญาห้ามเคมี อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ และสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์[การทูต]
การกำหนดเขตแดน (ทางบก) / การแบ่งเขตแดน (ทางทะเล) การกำหนด หรือการอธิบาย หรือการจำกัดความขอบเขตของดินแดนของประเทศ[การทูต]
นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics)[การทูต]
ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน[การทูต]
หลักการความรับผิดชอบในการคุ้มครอง เป็นหลักการที่ได้รับการรับรองในการประชุมระดับผู้นำ เพื่อทบทวนผลของปฏิญญาสหัสวรรษ(High Level Panel Meeting - HLPM) เมื่อวันที่ 14-16 กันยายน พ.ศ. 2548 ณ นครนิวยอร์ก ที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงทางมนุษยธรรม ( humanitarian interference/intervention of humanity)เพื่อคุ้มครองประชาชนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การฆ่าล้างชนชาติ โดยจะถือเป็นความรับผิดชอบและที่จะต้องดำเนินการร่วมกันโดยประชาคมระหว่าง ประเทศ อย่างไรก็ตาม หลักการเรื่องนี้มีนัยเกี่ยวข้องกับกฏหมายระหว่างประเทศ อธิปไตย ของรัฐ ความอ่อนไหวทางการเมือง และความชอบธรรมในการปฏิบัติ จึงยังไม่มีการนิยามแนวความคิด R2P รวมถึงขอบเขตของ R2P ที่ชัดเจน[การทูต]
พัฒนามาจากเวทีการประชุม Shanghai Five ซึ่งจีนเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เดิมมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน รัสเซีย คาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และทาจิกิสถาน ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2544 อุซเบกิสถาน ได้เข้าเป็นสมาชิกด้วย จึงมีการเปลี่ยนชื่อกลไกความ ร่วมมือนี้เป็น Shanghai Cooperation Organization เดิมมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนของประเทศสมาชิก และต่อมาได้ขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุม ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจการค้า วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม การศึกษา พลังงาน การคมนาคม[การทูต]
ขอบเขตอำนาจหน้าที่[การทูต]
ทะเลอาณาเขต รัฐทุกรัฐมีสิทธิกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตของตนได้จนถึงขอบเขตหนึ่งซึ่ง ไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล โดยวัดจากเส้นฐานที่กำหนดขึ้นตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525[การทูต]
ขอบเขตยอมรับสมมติฐาน[การแพทย์]
ทัศนคติแบบตามใจมากจนไม่มีขอบเขต[การแพทย์]
ขอบเขต[การแพทย์]
ขอบเขตของชั้น[การแพทย์]
ขอบเขตในการออกฤทธิ์กว้าง, การทำลายเชื้อจุลินทรีย์ได้กว้างขวาง, ในขอบเขตกว้าง, กว้างขวาง[การแพทย์]
เป็นก้อนชัดเจนมีขอบเขต[การแพทย์]
ความปรวนแปรที่ยอมรับได้, ขอบเขตความเชื่อมั่น[การแพทย์]
จำกัดขอบเขตดีกว่า[การแพทย์]
ขอบเขต[การแพทย์]
วงขอบเขตของการโคออร์ดิเนชัน[การแพทย์]
ขอบเขตเป็นเส้น[การแพทย์]
ขอบเขตระดับรังสีสำหรับผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวข้อง[การแพทย์]
ความรู้ในขอบเขตของตนเอง[การแพทย์]
ความรู้ในขอบเขตตนเองว่าควรได้อะไรบ้างหรือไม่ควร[การแพทย์]
การรู้ขอบเขตของตัวเอง[การแพทย์]
ขอบเขต[การแพทย์]
รังสีภายนอกขอบเขต ของโลก[อุตุนิยมวิทยา]
Terms of Reference, ขอบเขตของงาน[เทคนิคด้านการชลประทานและการระบายน้ำ]
boundary line, เส้นขอบเขต[เทคนิคด้านการชลประทานและการระบายน้ำ]
กลุ่มหมอกอิเล็กตรอน, แบบจำลองอะตอมแบบหนึ่ง  ซึ่งถือว่าการกระจายของอิเล็กตรอนในอะตอมมีลักษณะเป็นแบบกลุ่มหมอกที่มีประจุ โดยมีโอกาสที่จะพบอิเล็กตรอนหนาแน่นอยู่ในขอบเขตและรูปร่างที่จำกัด[พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
กำลังขยาย, การวัดขอบเขตของอุปกรณ์ทางแสงในการขยายหรือลดขนาดของภาพ  กำลังขยายของอุปกรณ์ใดหาได้จากอัตราส่วนของขนาดภาพที่เห็นต่อขนาดวัตถุ[พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
ตัวเล็งภาพ, ส่วนประกอบของกล้องถ่ายรูป  ทำให้มองเห็นขอบเขตของภาพที่ต้องการบันทึกบนฟิล์ม[พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
วัฏภาค, เฟส, ส่วนที่เป็นเนื้อเดียวกันในระบบหนึ่ง และมีขอบเขตแน่นอนแยกจากส่วนอื่น ๆ ของระบบนั้น  เช่น ในภาชนะปิดที่บรรจุน้ำแข็ง น้ำ และไอน้ำ ระบบนี้จะมี 3 วัฏภาค คือ วัฏภาคของแข็ง ได้แก่ น้ำแข็ง วัฏภาคของเหลว ได้แก่ น้ำ และวัฏภาคของแก๊ส ได้แก่ ไอน้ำ[พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
ปัจจัยที่ขัดขวางต่อเทคโนโลยี, สิ่งที่ทำให้การทำงานของระบบเทคโนโลยีเกิดการติดขัด หรือสิ่งที่จำกัดขอบเขตการทำงาน ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เช่น ข้อจำกัดด้านเงินทุน เวลา ความรู้ กฎข้อบังคับ สภาพอากาศ[พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
ขอบเขตที่กำหนด[การแพทย์]
ขอบเขตช่วงบน, เขตสูงสุดของชั้นบน[การแพทย์]
บอกตำแหน่งหรือขอบเขตไม่ชัดเจน[การแพทย์]
บอกตำแหน่งหรือขอบเขตได้แน่นอน[การแพทย์]
ขอบเขตช่วงล่าง, เขตต่ำสุดของชั้นล่าง[การแพทย์]
ไม่มีขอบเขต[การแพทย์]
มีขอบเขตไม่แน่นอน[การแพทย์]
ขอบเขตชัดเจน[การแพทย์]
ขอบเขตการเคลื่อนไหวของข้อ[การแพทย์]
วิธีการเคลื่อนที่-แนวขอบเขต[การแพทย์]
ตัวอย่างประโยคจาก Open Subtitles**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
- เพื่อขอบเขตขนาดใหญ่ ในทางของเขาเองThe Ugly American (1963)
มันไม่รู้จักขอบเขตนะ เรามืเหตุเกิดขึ้นสามครั้งเเล้วJaws (1975)
นั่นคือขอบเขต และราคาของความเป็นอมตะIndiana Jones and the Last Crusade (1989)
ถ้าสิ่งที่ ดร.เวียร์พูดจริง ยานลำนี้ก็ไม่ไปเกินขอบเขตจักรวาล และขอบเขตของวิทยาศาสตร์Event Horizon (1997)
บางสิ่งหลุดออกนอกขอบเขตeXistenZ (1999)
แต่ฝีมือแกเจริญไปอย่างไม่มีขอบเขตCrouching Tiger, Hidden Dragon (2000)
อีกอย่างผู้ดูแลของเรา คุณฟิลช์ ฝากฉันให้เตือนพวกเธอด้วยว่า ทางเดินของชั้นที่สามด้านขวา อยู่นอกขอบเขต ของทุกคนที่ไม่ประสงค์จะตาย อย่างเจ็บปวดรวดร้าวHarry Potter and the Sorcerer's Stone (2001)
เอาล่ะ ฉันเดาว่าพวกคุณคงได้อ่านหน้า 1-48 มาแล้ว และคงเข้าใจดีเรื่องขอบเขตการตัดสินคดีLegally Blonde (2001)
เอาล่ะ มิสเคนซิงตัน มีขอบเขตอำนวจตัดสินหลากหลายในคดีนี้หรือไม่Legally Blonde (2001)
พลังของเดอะวันขยายขอบเขตไปเกินกว่าโลกนี้แล้วThe Matrix Revolutions (2003)
ไม่เอาน่า เธอกับฉันต่างก็ไม่รู้สิ่งที่เกินขอบเขตทางเลือกหรอกThe Matrix Revolutions (2003)
โอ คนโบกรถ ท้องฟ้าคือขอบเขตInspector Gadget 2 (2003)
โดยได้รับการคุ้มครองจากจารีตประเพณี และกฎเกณฑ์ข้อบังคับของสังคม ปัญหาว่าด้วยขอบเขตThe Corporation (2003)
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา (มาร์ค คิงเวลล์ นักปรัชญา) เรานำสิ่งต่าง ๆ ไปไว้ในขอบเขตของความเป็นสาธารณสมบัติมากขึ้น ๆ แต่พอมาในยุคหลัง ๆ เมื่อไม่นานมานี้เองThe Corporation (2003)
หัวใจและการหายใจจะสูง แต่อยู่ในขอบเขตContact (1997)
- เราอยู่ ในขอบเขตแทบContact (1997)
รับธรรมชาติอันไร้ขอบเขต ของฉันไม่ได้ใช่มั้ยI Heart Huckabees (2004)
ความเป็นส่วนตัว คือองค์ประกอบของความไร้ขอบเขตI Heart Huckabees (2004)
เราทนต่อความหนาว จนแตะ ขอบเขตของชีวิตMarch of the Penguins (2005)
เปลือกที่ใหญ่ของเธอได้ยื่นไปสู่ที่ว่างที่ไร้ขอบเขต และ ณ ที่นั่น ของเหลวที่แน่นและมากมาย ได้ขึ้นและไหลไปLoving Annabelle (2006)
เปลือกที่ใหญ่ของเธอได้ยื่นไปสู่ที่ว่างที่ไร้ขอบเขต และ ณ ที่นั่น ของเหลวที่แน่นและมากมาย เขากำลังพูดถึงอะไรLoving Annabelle (2006)
เปลือกที่ใหญ่ของเธอ ได้ยื่นไปสู่ที่ว่างที่ไร้ขอบเขตLoving Annabelle (2006)
และคำว่า "ที่ว่างที่ไร้ขอบเขต" อาจจะหมายถึง ความเป็นไปได้ของทุกสิ่ง ที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณถึงจุดสุดยอดLoving Annabelle (2006)
ชน, เอ็ดดี้, คุณทั้งสองไปหาขอบเขตIce Age: The Meltdown (2006)
การเชื่อฟังต้องมีขอบเขต บางเรื่องผมก็เชื่อไม่ได้ มีบางอย่างที่คนอย่างคุณสมควรจะทำนะ, ผู้กองPan's Labyrinth (2006)
และนั่นเป็นสิ่งดีเพราะมันรักษาอุณหภูมิของโลก ให้อยู่ในขอบเขตที่แน่นอน รักษาระดับให้ค่อนข้างคงที่และเหมาะกับการดำรงชีวิตAn Inconvenient Truth (2006)
ลองขยายขอบเขตรึยังDay 5: 9:00 a.m.-10:00 a.m. (2006)
ในอัตราก้าวหน้าขึ้นทุกวัน การย้ายมวลสาร การลอยตัวได้ การสร้างเนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเอง นี่อยู่นอกเหนือขอบเขตChapter One 'Genesis' (2006)
ฉันหมายความว่า อีริคไม่เหมือนคนอื่น เขาให้เคารพขอบเขตุของฉันAmerican Pie Presents: The Naked Mile (2006)
ผมไม่รู้ว่ามีจำนวนแฟนหรืออะไรก็ตาม ของยามาเสะ แต่ ถ้ามันใช้ไม่ได้เราก็ทำอะไรไม่ได้ อย่าเอาไอเดียไปรวมกับอุดมคติที่ทำไม่ได้ เธอต้องคิดว่าอะไรที่เธอสามารถทำได้ดีที่สุด ในขอบเขตของความเป็นจริงที่สามารถทำได้Sapuri (2006)
มีขอบเขตนิดนึงPurple Giraffe (2005)
ไม่ว่าสวรรค์หรือนรก ไม่มีที่ไหนที่มีขอบเขต...Episode #1.1 (2006)
ที่เผยถึงขอบเขตเต็ม ของโปรแกรมคุณChapter Ten 'Truth & Consequences' (2007)
หรือมีขอบเขตแค่ไหนChapter Two 'Lizards' (2007)
ผมได้ทำเกินขอบเขตของผมไปChapter Six 'The Line' (2007)
ขอบเขต ความล่วงรู้เกี่ยวกับจักรวาล มันไม่เกี่ยวกับความสนุกThe Right Stuff (2007)
ถึงไม่ชอบก็น่าจะมีขอบเขตบ้าง นี่มันไม่ให้เกียรติกันเลยนะThe 1st Shop of Coffee Prince (2007)
ที่นี่มีขอบเขตAttack on the Pin-Up Boys (2007)
ความเหมาะสมเป็น..." "ขอบเขตของความเหมาะสม ถูกทำลาย"Becoming Jane (2007)
"ขอบเขตของความเหมาะสมถูกทำลาย เป็นเรื่องที่ดีอยู่"Becoming Jane (2007)
"แต่ขอบเขตของความเหมาะสม ก็อยู่ในกรอบของความถูกต้อง"Becoming Jane (2007)
"แต่ขอบเขตของความเหมาะสม ก็อยู่ในกรอบของ..."Becoming Jane (2007)
"เขาก็เริ่มที่จะเพิ่มขอบเขต ของโอกาสให้กับตัวเอง"Becoming Jane (2007)
"มันคือท้องฟ้าที่มีขอบเขตCharlie Bartlett (2007)
มาร์คเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มันต้องมีขอบเขตJuno (2007)
นี่เรายังไม่รู้ขอบเขตอาการของเขาเลยFantastic 4: Rise of the Silver Surfer (2007)
แค่จะบอกว่าฉันมีขอบเขตCassandra's Dream (2007)
และพวกเขาไม่ต้องการรู้ว่า เราทำให้พวกเขาปลอดภัยได้อย่างไร ตอนนี้ คุณจะขอให้ทำในสิ่งที่ อยู่ในขอบเขตสีเทาของศีลธรรมChapter Seventeen 'Company Man' (2007)
ตราบใดที่ลูกค้าเราอยู่ภายในขอบเขต ฉันไม่ต้องการรับรู้เรื่องอะไรของพวกเขาCrazy Handful of Nothin' (2008)
อาณาจักรของข้า และ พลัง จะไร้ขอบเขตอีกต่อไปThe Scorpion King: Rise of a Warrior (2008)
Volubilis Dictionary (TH-EN-FR)
[khøpkhēt] (n) EN: frontier ; limit ; confine ; boundary ; range ; extent ; bound ; border ; precinct ; margin  FR: frontière [ f ] ; limite [ f ] ; borne [ f ]
[khøpkhēt bon] (n, exp) EN: upper bound
[khøpkhēt kān patibat] (n, exp) EN: sphere of activity
[khøpkhēt kān prayukchai] (n, exp) EN: range of applications ; areas of application
[khøpkhēt khøng kānseuksā] (n, exp) EN: scope of the study ; delimitation of the study
[khøpkhēt lāng] (n, exp) EN: lower bound
[koēn khøpkhēt] (v, exp) EN: be over the limit  FR: dépasser la limite
[yāng prātsajāk khøpkhēt] (adv) EN: ad infinitum
Longdo Approved EN-TH
(n)(คณิต.) ขอบเขตกำเนิด
NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
(adj)ไม่มีขอบเขตSee Also:ไม่จำกัดSyn.unlimitedAnt.limited
(n)ศูนย์บริการออนไลน์ผ่านทางโมเด็มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา มีขอบเขตการให้บริการที่กกว้างขวางมีการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ปริการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตขั้นพื้นฐาน มีข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากสำนักข่าวรอยเตอร์และยูพีไอ
(prep)ที่เหนือกว่า (แสดงถึงขอบเขต, ข้อจำกัด)See Also:มากกว่า
(n)ขอบเขตSyn.borderline
(vt)สร้างขอบเขตSyn.edge
(n)เส้นแบ่งขอบเขตSee Also:เส้นเขตแดน, เส้นแสดงเขตSyn.borders
(vt)จำกัดSee Also:จำกัดขอบเขตSyn.confine
(n)เส้นขอบเขตSee Also:ขอบเขต, เส้นแบ่งเขตแดน
(n)ขอบเขตSee Also:เขตแดน, อาณาเขตSyn.border
(n)ขอบเขต
(n)ขอบเขตSyn.border, limit
(n)ขอบเขตคุ้มครองในการประกันภัย
(vt)ควบคุมSee Also:จำกัดขอบเขต, ระงับSyn.restrain, control
(phrv)อยู่นอกขอบเขตของSee Also:อยู่นอกเหนือจากSyn.be outside, stand outsideAnt.fall within
(phrv)จัดอยู่ในประเภทSee Also:อยู่ในขอบเขตของSyn.come under
(vt)ทำให้ลดลง (ขนาด, ขอบเขต, ความรุนแรง)See Also:ทำให้น้อยลง, ทำให้เบาบางลงSyn.lower, lesson
(vi)ลดลง (ขนาด, ขอบเขต, ความรุนแรง)See Also:บรรเทาSyn.lower
(vt)เป็นเครื่องหมายแสดงSee Also:บอกขอบเขต, กำหนดเขตแดนSyn.restrict, limit, delimit
(n)ขอบเขต (ปกติใช้รูปพหูพจน์ dimensions)See Also:ขนาด, ขอบข่าย, มิติSyn.quantity, proportions
(n)ขอบเขตของความรู้ ความคิด ความสนใจSyn.sphere, area, territory
(n)ขอบเขตSee Also:เขตจำกัดSyn.border, boundary, limit
(adj)ซึ่งไม่สิ้นสุดSee Also:ไม่มีขอบเขต, ชั่วกาลนานSyn.illimitable, limitless, unceasing, unending
(adv)อย่างไม่สิ้นสุดSee Also:อย่างไม่มีขอบเขตSyn.eternally
(n)พฤติกรรมที่เกินขอบเขต
(n)พื้นที่กว้างขวาง (โดยเฉพาะทะเล แผ่นดิน ท้องฟ้า)See Also:ขอบเขตกว้างใหญ่, สถานที่กว้างใหญ่ไพศาล
(n)ขอบเขตSee Also:ขนาดSyn.range, scope
(n)สิ่งที่มีขอบเขตSyn.limit
(n)ขอบเขตของความรู้
(phrv)ภายในขอบเขต
(phrv)เกินกว่าSee Also:เกินขอบเขต
(n)ขอบเขตความรู้See Also:ประสบการณ์
(idm)ภายในที่กำหนดSee Also:ภายในขอบเขตที่กำหนด
(idm)ภายในที่กำหนดSee Also:ภายในขอบเขตที่กำหนด
(adj)ไร้พรมแดน (คำทางการ)See Also:ไร้เขตแดน, ไร้ขอบเขตSyn.boundless, limitlessAnt.limitable
(adj)ซึ่งมากจนวัดไม่ได้See Also:มากมายจนนับไม่ถ้วน, ไร้ขอบเขตSyn.boundless, countless, numberless, vastAnt.measurable
(idm)ทำให้อยู่ภายในขอบเขต
(phrv)เกินขอบเขตSee Also:ไม่พอดีกับ
(n)ขอบเขตอำนาจที่ศาลและกฎหมายควบคุมไปถึงSyn.range, scope
(n)พื้นที่ที่มีขอบเขตSee Also:อาณาบริเวณ
(n)อาณาจักรSee Also:ขอบเขตปกครอง, ดินแดน, เขตSyn.realm, domain
(adj)ที่กินขอบเขตกว้างSyn.extensive
(vt)ให้หรือใช้จ่ายอย่างเกินขอบเขตSee Also:ให้หรือใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
(n)ขอบเขตSee Also:เขตSyn.confine, frontier, bounds, boundary
(adj)ที่มีขอบเขตSee Also:ที่มีขีดขั้นSyn.constricted, small-scale, narrow
Hope Dictionary
(อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้Syn.a Go go, a go-go, au gogo
(แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต
(แอม' บิท) n. เส้นรอบวง, ขอบเขต, บริเวณรอบ ๆ (circuit, boundary, limits)
adj. สุดที่หยั่งถึง, ไม่มีก้น, ลึกจนไม่อาจหยั่งได้, ลึกลับ, วัดไม่ได้, ไร้ขอบเขต
(เบาดฺ) { bounded, bounding, bounds } adj. ถูกผูกมัด, เหนียวแน่น, แน่นอน, จักต้อง, ตัดสินใจ, เข้าเล่ม, ท้องผูก vi. กระโดด, เด้งกลับ, จดกับ, ประชิดกับ vt. จำกัด, กลายเป็นขอบเขต, พูดถึงขอบเขต -n. การกระโดด, การเด้งกลับ, ขอบเขต, ชายแดน adj. กำลังจะ, ไปทาง, พร้อมที่จะ
(เบา'เลส) adj. ไร้ขอบเขต, สุดขีด, มากมาย, สุดสายตาSee Also:boundlessness n.
(เบิร์น) n. ลำธารสายเล็ก, ขอบเขต, เป้าหมาย
(เบิร์น) n. ลำธารสายเล็ก, ขอบเขต, เป้าหมาย
adj. แสดงขอบเขตหรือเส้นพรมแดนหรือที่ดินหรือภูมิภาค
n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลมSyn.ring, cycle
n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลมSyn.ring, cycle
n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลมSyn.ring, cycle
(เซอคัมสคริพ'เชิน) n. การเขียนวงกลมรอบ, การจำกัดเขต, ขอบเขต, โครงร่าง, เส้นรอบวง, คำนิยาม, คำจำกัดความ, ลายริมSee Also:circumscriptive adj.
(คอก'นิซะเบิล) adj. ซึ่งสามารถรับรู้หรือรู้ได้, ภายในขอบเขตอำนาจการพิจารณาของศาลSyn.cognisable
(คัม'พัส) { compassed, compassing, compasses } n. เข็มทิศ, เส้นรอบวง, เส้นล้อม, พื้นที่, เนื้อที่, ขอบเขต, อาณาเขต, อาณาจักร, ระยะ, ขอบเขตที่เหมาะสมSee Also:compasses n., pl. วงเวียน adj. โค้ง. vt. เคลื่อนรอบ, โอบล้อม, ล้อม, เดินอ้อมรอบ, วางแผน, เข้าใจ. คำที่
(คันไฟน์') { confined, confining, confines } vt. ขีดขั้น, จำกัด, ตีวง, เก็บตัว, กักตัว n. ขอบเขต, การจำกัด, การเก็บตัว, คุก, สถานกักกัน.See Also:confinable adj. ดูconfine confineable adj. ดูconfineSyn.intern, imprision
(คันเซอ'วะทิฟว) adj. ซึ่งอนุรักษ์ไว้, ซึ่งสงวนไว้, เกี่ยวกับการเก็บรักษา, ซึ่งมีขอบเขต, รอบคอบ, เกี่ยวกับพรรคConservative. n. นักอนุรักษ์นิยม, นักจารีตนิยม, ผู้รักษาสิ่งเก่า ๆ , สมาชิกพรรคคอนเซอวาตีฟ, ตัวกันบูด.See Also:conservativeness n. คำที่มีความ
(คัฟ'เวอริจฺ) n. ขอบเขตที่การประกันภัยครอบคลุมถึง, เงินค้ำประกัน, เงินประกัน, การรายงานข่าวและการตีพิมพ์ข่าวหรือออกข่าว, ขอบเขตของการรายงานข่าว
(ดีเมน') n. การครอบครอง (ทรัพย์สิน) ที่ดินโดยเจ้าของที่ดิน, ที่ดินในครอบครอง , ขอบเขต, อาณาจักร
(โดเมน') n. อาณาเขตการปกครอง, อาณาจักร, ที่ดินขอบเขต, กลุ่มของคำ (ในทางคณิตศาสตร์) ของตัวแปรอิสระของ functionSee Also:domainal, domainial adj.Syn.discipline
adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่สิ้นสุดSee Also:endlessness n. ดูendlessSyn.eternal
(อิคซฺเทนทฺ') n. ขอบเขต, ขนาด, การประเมินค่าSyn.size
(อิคซฺทรีม') adj., n. (ความ) สุด, ปลายสุด, สุดขีด, จัด, เกินไป, เกินขอบเขต, ไกลสุด, หนักที่สุด, สุดท้าย, ผิดธรรมดาที่สุดSee Also:extremeness n.Syn.final
(ฟีลดฺ) { fielded, fielding, fields } n. ทุ่ง, ทุ่งนา, ทุ่งกว้าง, เขตเหมืองแร่, สนาม, อาณาจักร, ขอบเขต, พื้น, ลาน vt. เก็บได้ลูก (บอล) , จับลูกได้ vi. เป็นคนรับลูกในการเล่น (บาสเก็ตบอล, คริคเก๊ต)Syn.area หมายถึง ที่ซึ่งใช้เก็บข้อมูลเฉพาะในโปรแกรมประเภทการจัดการฐานข้อมูล โดยจัดแบ่งให้แต่ละเขตเก็บข้อมูลแต่ละ เรื่อง เช่น แบ่งเป็นเขต ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อายุ เพศ ฯ ถ้าเรานำเขตข้อมูลเหล่านี้ หลาย ๆ เขตมารวมกัน จะเรียกว่า "ระเบียน" record
(ไฟ'ไนทฺ) adj. มีขอบเขต, มีเขตจำกัด, ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจนวัดไม่ได้, ไม่ใช่ศูนย์. n. สิ่งที่มีขอบเขต.See Also:finitely adv. finiteness n.Syn.limited, fixedAnt.infinite, eternal
ตรรกศาสตร์คลุมเคลือหมายถึง แบบหนึ่งของตรรกะ ซึ่งใช้ในระบบผู้เชี่ยวชาญ (expert system) ตรรกะ ประเภทนี้ไม่ใช่มีแต่ ผิด-ถูก (กล่าวคือ ถ้าไม่ถูก ก็ต้องผิด หรือถ้าไม่ผิด ก็ต้องถูก) แต่ตรรกะแบบนี้ มีขอบเขตกว้างขวาง
(ฮะไร'เซิน) n. ขอบฟ้า, ขอบเขต, สายตา, เส้นขอบฟ้า, ระดับ, ตำแหน่ง, ชั้น
adj. ซึ่งไม่สามารถจะวัดได้, ไม่มีขอบเขต, นับไม่ถ้วน, เหลือคณานับ.See Also:immeasurably adv.Syn.boundless
(อิเมนซฺ') adj. ใหญ่มาก, มหึมา, มโหฬาร, มากมาย, กว้างขวาง, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, ดีมาก, เลิศ, ยอดเยี่ยม.See Also:immensely adv. immenseness n.Syn.huge, vastAnt.small, little
(อิเมน'ซิที) n. ความกว้างขวาง, ความใหญ่โต, ความมโหฬาร, ความไม่มีขอบเขตSyn.hugeness
(อิน'ฟะนิท) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, สมบูรณ์, ไม่หมดสิ้น. n. สิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด, บริเวณที่ไม่มีขอบเขต, อวกาศ. -Phr. (the Infinite, the Infinite Being พระผู้เป็นเจ้า) .See Also:infinitely adv. infiniteness n. คำที่มีควา
(อินฟิน'นิที) n. ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่มีขอบเขต, สิ่งที่ใหญ่โตเหลือเกิน, จำนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดSyn.endlessness, eternity
เทคโนโลยีสารสนเทศใช้ตัวย่อว่า IT หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications)
(อิท) pron. มัน, นั่น, ตัว, คน, บุคคล, ตัวมาร, ตัวการ, คนสำคัญ, คนโง่. n. คนเล่น, สถานการณ์โดยทั่วไป ไอทีย่อมาจาก information technology แปลว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications)
(จัวริสดิค'เชิน) n. อำนาจในการตัดสินคดี, อำนาจศาล, อำนาจการควบคุม, ขอบเขตอำนาจ, อำนาจศาล.See Also:jurisdictive adj. ดูjurisdiction jurisdictionally adv. ดูjurisdictionSyn.judicature, magistracy, sphere, range
(แลฟ'วิช) adj. ฟุ่มเฟือย, ใจป้ำ, มากเกินไป, เกินขอบเขต.See Also:lavisher n. ดูlavish lavishment n. ดูlavish lavishness n. ดูlavishSyn.abundant, profuse
(ลิม'มิท) { limited, limiting, limits } n. ขอบเขต, เขต, เขตจำกัด, ขีดจำกัด, วงจำกัด, จำนวนจำกัด. vt. จำกัด, กำหนด, ขีดขั้น.See Also:limitable adj. ดูlimit limitableness n. ดูlimit limiter n. ดูlimit limitation n. ดูlimit
(ลิม'มิททิง) adj. จำกัด, มีขอบเขต, มีขีดขั้น
(ลิม'มิทลิส) adj. ไม่มีขอบเขตSee Also:limitlessness n. ความไม่มีขอบเขต
(มาร์'จิน) n. ขอบ, ริม, ข้าง, ขอบเขต, ช่องว่าง, จำนวนที่เผื่อเหลือเผื่อขาด, เงินทดรองความสูญเสีย, ค่าแตกต่างระหว่างราคาทุนกับราคาขาย, จุดรายได้ต่ำสุดซึ่งถ้าต่ำกว่านี้แล้วการผลิตจะขาดทุน, ร่อแร่, เกือบขาดทุน. vt. ใส่ขอบ, ทำให้มีริมหรือข้าง, วางเงินทดรอง
(มาร์'จิเนิล) adj. เกี่ยวกับขอบเขต, เกือบใช้ไม่ได้, เกือบขาดทุน, ร่อแร่, ขายในราคาเกือบขาดทุน.See Also:marginality n. marginally adv.
(มีท) vt. แบ่งสรร, จ่ายแจก, วัด n. เส้นแบ่ง, ขอบเขต
(โอ'เวอะดิว) adj. พ้นกำหนด, เลยเวลา, เกินไป, เกินขอบเขต, คอยนานเกินไป, เจริญหรือสุกงอมเกินไป
(พะริฟ'เฟอรี) n. เส้นรอบวง, ผิวรอบนอก, ส่วนภายนอก, บริเวณปลายเส้นประสาท, ขอบเขต, ขอบนอกSyn.perimeter
(พรี'ซิงทฺ) n. ขอบเขต, บริเวณ, เขตแบ่ง, เขตปกครอง, เขตควบคุม, อาณาเขต, สิ่งแวดล้อม
(เพอ'วิว) n. ขอบเขต (อำนาจ, การปฏิบัติงาน) , บทบัญญัติ, บทบัญญัติของกฎหมาย, ตัวบทกฎหมายSyn.scope, overview
(เร'เดียส) n. รัศมี, เส้นรัศมี, ความยาวของรัศมี, ส่วนที่รัศมี, อิทธิพล, ขอบเขต, กระดูกแขนท่อนนอก, เส้นเลือดดำตามยาวที่สำคัญในส่วนหน้าของปีกแมลง pl. radii, radiuses
(เรนจฺ) n., vt. (จัด) แถว, แนว, ลำดับ, ช่องระยะ, ทิว, ทิวเขา, เทือกเขา, ขอบเขต, เขต, วิถีกระสุน, วิถียิง, ค่าแตกต่างระหว่างตัวแปรน้อยที่สุดกับตัวแปรมากที่สุด, ตำแหน่ง, ชั้น, ประเภท, การจัดลำ-ดับ, กลุ่มค่าทางสถิติทั้งหมด vi. ผันแปรภายในขอบเขตหนึ่ง, เปลี่ยนแปลงในช่วงหนึ่ง, ขยายออก
(รีชฺ) vt., vi. (การ) ถึง, มาถึง, ไปถึง, บรรลุ, ยื่น, เอื้อม, เป็นจำนวนถึง, ขอบเขต, ระยะที่ไปถึง, ช่วงระยะทาง, ช่วงแขนของนักมวยSee Also:reachable adj reacher n.Syn.extend, present, touch
(เรล์ม) n. ราชอาณาจักร, อาณาจักร, บริเวณ, แผ่นดิน, ดินแดน, ขอบเขตล ปริมณฑล
Nontri Dictionary
(adj)ลึกมาก, หยั่งไม่ถึง, ไร้ขอบเขต
(n)ขอบเขต, บริเวณ, เขตแดน, อาณาเขต, ขอบข่าย
(vt)จำกัด, กำหนดขอบเขต
(n)ขอบเขต, เขตแดน, บริเวณ, อาณาเขต
(adj)ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด
(n)วงกลม, วงแหวน, วงเวียน, บริเวณ, ขอบเขต, หมู่คณะ, การหมุนเวียน, วัฏจักร
(n)เส้นรอบวง, การจำกัดเขต, ขอบเขต, คำนิยาม
(n)เข็มทิศ, เส้นรอบวง, วงเวียน, ขอบเขต, เนื้อที่, ระยะ
(n)ขอบเขต, วงรอบ, การจำกัด, คุก, สถานกักกัน
(n)การกักขัง, การจำกัดขอบเขต, การกักตัว, การคุมขัง
(n)ขอบเขต, คฤหาสน์, ที่ดิน, อาณาจักร
(n)อาณาเขต, ขอบเขต, ขนาด, การประเมินค่า
(n)ทุ่ง, สนาม, ทุ่งหญ้า, ทุ่งนา, สนามรบ, สมรภูมิ, ขอบเขต, แผนก
(n)พรมแดน, ชายแดน, เขตแดน, ขอบเขต
(n)สายตา, เส้นขอบฟ้า, ขอบเขต, วง, ตำแหน่ง, ระดับ
(adj)ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด
(adj)มากมาย, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถวัดได้
(n)การตกลงมา, แสงตกกระทบ, ขอบเขต, การบังเกิด, เหตุการณ์
(adj)อสงขัย, ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, มากมาย, เหลือคณา
(n)ขอบเขต, สายตา
(n)อาณาจักร, ขอบเขต, วงการ, ปริมณฑล
(n)ขอบเขต, ขีดจำกัด, ข้อบกพร่อง
(vt)จำกัด, กั้นวง, ขีดวง, กำหนดขอบเขต
(adj)ถูกจำกัด, น้อย, มีขอบเขต, แคบ
(adj)ไม่จำกัด, ไม่อั้น, มากมาย, ไม่มีขอบเขต
(adj)ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถจะวัดได้, เหลือคณนา
(n)รอบนอก, ขอบเขตภายนอก, ชานเมือง, ริม
(adj)เลยเวลา, เกินกำหนด, เกินขอบเขต
(n)เส้นรอบวง, ผิวรอบนอก, ขอบนอก, ขอบเขต
(n)ขอบเขต, อาณาเขต, เขตปกครอง
(n)รังสี, รัศมี, ขอบเขต
(n)ขอบเขต, การบรรลุ, การยื่น, การเอื้อม
(n)แผ่นดิน, อาณาจักร, ขอบเขต, ปริมณฑล, ดินแดน, บริเวณ
(n)บริเวณ, ขอบเขต, แถบ, ภาค, แคว้น, ดินแดน
(n)ขอบเขต, ระยะ, วง, โอกาส, ลู่ทาง, ทัศนวิสัย, การมองปัญหา
(n)เบอร์, ขนาด, การวัด, การประมาณ, ขอบเขต
(n)ลูกโลก, ทรงกลม, ขอบเขตความรู้, วงงาน, ถิ่น, ปริมณฑล
(n)วง, ขอบเขต, การปัดกวาด, การกวาดสายตา
(n)ขอบเขต, ภาคเรียน, ข้อตกลง, กำหนดเวลา, ครั้ง, วาระ, สมัย
(adj)ตอนปลาย, ท้าย, สรุป, เกี่ยวกับขอบเขต
(n)การสิ้นสุด, การลงเอย, จุดหมายปลายทาง, ขอบเขต, ปัจจัย
(n)สถานีปลายทาง, ขอบเขต, เสาเขต, จุดประสงค์, ส่วนท้าย
(n)เชือก, โซ่ล่าม, ขอบเขตจำกัด
(vt)ผูก, มัด, ล่าม, จำกัดขอบเขต
(adj)ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่บังคับ
(n)สายรัด, เขตร้อนหนาว, แนว, วง, บริเวณ, ขอบเขต, เขตเวลา
Longdo Unapproved EN-TH**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
(n)ขอบเขต
(n)ศาลที่่มีขอบเขตในการตัดสินคดีทั่่วไป
(phrase)แสดงขอบเขตครอบคลุมครบถ้วน, ครอบคลุมตั้งแต่....จนถึง...., See Also:display, or perform the complete range of something.Syn.experience
ในขอบเขตที่ว่า
Longdo Approved JP-TH
[はんい, han'i](n)ขอบเขต
Longdo Unapproved JP-TH**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
意味範
[いみはん, imihan](n)ขอบเขตของความหมาย
[けん, ken](n)ขอบเขต วง ข่าย
Longdo Approved DE-TH
(n)|der, pl. Rahmen| กรอบ, ขอบเขต, เค้าโครง
ในขอบเขตของ, ในท้องเรื่อง
(prep)|+ G| นอกเหนือจากเวลาที่กล่าว หรือ นอกเหนือจากขอบเขตที่กล่าว เช่น Ausserhalb der Hochsaison ist es hier sehr ruhig., Unser Arzt ist auch ausserhalb der Sprechzeiten telefonisch erreichbar., Diese Befugnisse liegen ausserhalb meines Kompetenzbereichs.See Also:A. innerhalb
Longdo Approved FR-TH
(adj)|f. -ive| มากเกินไป, เกินขอบเขต, เกินไป, เกินกว่าจะยอมรับได้ เช่น Vous êtes aussi excessif(ve) dans vos élans que dans vos courroux.See Also:démesuré, énorme, extrême
เพิ่มคำศัพท์
add
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ