แปลศัพท์
PopThai
dropdown
US
121 ผลลัพธ์ สำหรับ 

*มีขอบเขต*

 ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น: มีขอบเขต, -มีขอบเขต-
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
ก. ฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีขอบเขตกั้นไว้หรือมีสิ่งกีดขวางเป็นต้น เช่น บุกป่า บุกเข้าไปในค่ายทหาร, โดยปริยายหมายถึง ไปถึงด้วยความลำบาก เช่น อุตส่าห์บุกมาถึงบ้าน.
น. พระนามพระโพธิสัตว์ชาติที่ ๑๐ ในทศชาติ, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีใจกว้างขวางชอบให้ของแก่ผู้อื่นอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เช่น ใจกว้างเหมือนพระเวสสันดร มีอะไรให้เขาหมด.
น. แผ่นดินซึ่งมีขอบเขตเป็นปริมณฑล เช่น แว่นแคว้นตะนาวศรี ฝ่ายเขาเล่าก็สามพารา เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น (อิเหนา).
ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
อย่างเต็มที่, ไม่มีขอบเขต[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
มีขอบเขตบน[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
มีขอบเขตล่าง[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ฟังก์ชันมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ลำดับมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
เซตมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
มีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
๑. ขอบเขต๒. แบบมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ตัวแปรแบบมีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ไม่มีขอบเขตบน[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ไม่มีขอบเขตล่าง[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
บริเวณไม่มีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
ลำดับไม่มีขอบเขต[คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗]
คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
ระบบ, ที่รวมของส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน มีจุดประสงค์ร่วมกัน และมีขอบเขตโดยแน่ชัด เช่น คอมพิวเตอร์เป็นระบบ เพราะประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาตามที่ผู้ใช้กำหนด ร่างกายมนุษย์เป็นระบบเพราะประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ ระบบทั้งหลายต้องรับอินพุดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าไปในระบบ ต่อจากนั้นจึงนำอินพุดเหล่านั้นมาดำเนินการให้เกิดเป็นเอาท์พุต หรือปรับอินพุดหรือการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การนำเอาท์พุดมาพิจารณาแล้วปรับ ดังนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feedback)[คอมพิวเตอร์]
การประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการลดอาวุธระหว่างประเทศ มีขอบเขตความรับผิดชอบเกี่ยวกับประเด็นด้านการลดอาวุธทุกด้าน และมีหน้าที่ รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ประเทศ(ไทยมิได้เป็นสมาชิก) โดยที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ด้านการลดอาวุธหลายฉบับ ที่สำคัญได้แก่ สนธิสัญญาไม่แพร่อาวุธนิวเคลียร์ อนุสัญญาห้ามเคมี อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ และสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์[การทูต]
นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics)[การทูต]
ทัศนคติแบบตามใจมากจนไม่มีขอบเขต[การแพทย์]
เป็นก้อนชัดเจนมีขอบเขต[การแพทย์]
วัฏภาค, เฟส, ส่วนที่เป็นเนื้อเดียวกันในระบบหนึ่ง และมีขอบเขตแน่นอนแยกจากส่วนอื่น ๆ ของระบบนั้น  เช่น ในภาชนะปิดที่บรรจุน้ำแข็ง น้ำ และไอน้ำ ระบบนี้จะมี 3 วัฏภาค คือ วัฏภาคของแข็ง ได้แก่ น้ำแข็ง วัฏภาคของเหลว ได้แก่ น้ำ และวัฏภาคของแก๊ส ได้แก่ ไอน้ำ[พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
ไม่มีขอบเขต[การแพทย์]
มีขอบเขตไม่แน่นอน[การแพทย์]
ตัวอย่างประโยคจาก Open Subtitles**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
แต่ฝีมือแกเจริญไปอย่างไม่มีขอบเขตCrouching Tiger, Hidden Dragon (2000)
เอาล่ะ มิสเคนซิงตัน มีขอบเขตอำนวจตัดสินหลากหลายในคดีนี้หรือไม่Legally Blonde (2001)
การเชื่อฟังต้องมีขอบเขต บางเรื่องผมก็เชื่อไม่ได้ มีบางอย่างที่คนอย่างคุณสมควรจะทำนะ, ผู้กองPan's Labyrinth (2006)
มีขอบเขตนิดนึงPurple Giraffe (2005)
ไม่ว่าสวรรค์หรือนรก ไม่มีที่ไหนที่มีขอบเขต...Episode #1.1 (2006)
หรือมีขอบเขตแค่ไหนChapter Two 'Lizards' (2007)
ถึงไม่ชอบก็น่าจะมีขอบเขตบ้าง นี่มันไม่ให้เกียรติกันเลยนะThe 1st Shop of Coffee Prince (2007)
ที่นี่มีขอบเขตAttack on the Pin-Up Boys (2007)
"มันคือท้องฟ้าที่มีขอบเขตCharlie Bartlett (2007)
มาร์คเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มันต้องมีขอบเขตJuno (2007)
แค่จะบอกว่าฉันมีขอบเขตCassandra's Dream (2007)
นี่ การที่คุณเป็นตำรวจมันก็มีขอบเขตนะAll in the Family (2008)
แผลที่เกิดจากระเบิดมันมีขอบเขตชัดเจนBombshell (2008)
ดังนั้นมีขอบเขตบ้าง จะได้ไม่มีใครเจ็บตัว เบ็ตตี้ เบ็ตตี้ เบ็ตตี้The Manhattan Project (2008)
ระบบนิเวศของเราไม่มีขอบเขตHome (2009)
นายควรจะเล่นตลกให้มีขอบเขตบ้างนะEpisode #1.2 (2009)
มันคือความสัมพันธ์ที่ต้องแตกต่างกัน มันมีขอบเขตตรงนั้น ซึ่งค่อนข้างต้องเสแสร้งนิด ๆThe Girlfriend Experience (2009)
น่าทึ่งมาก ความฟุ้งซ่านเรื่องวันหยุดของคุณ\ไม่มีขอบเขตเลยจริงๆThe Treasure of Serena Madre (2009)
ทุกอย่างมีขอบเขตที่แตกต่างกัน พวกเค้าเพิ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงThe Blind Side (2009)
อะไรที่เธอได้ทำ, มีขอบเขตจำกัด ลูกสาวของคุณเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ฝึกEdge of Darkness (2010)
ถ้าผมกำลังตามหาชาย ผู้เป็นคนยิงลูกสาวของคุณ... ...และผมได้จินตนาการอย่างมีขอบเขต แล้วผมไม่... ...ผมต้องมองไปที่ พวกชั้นต่ำที่คุณไปพบมาวันนี้Edge of Darkness (2010)
เข้าใจดีว่าฉันมีขอบเขต เอกสิทธิระหว่างลูกค้ากับทนายความ ในการรักษาความลับทุกอย่างที่คุณบอกI.F.T. (2010)
อย่างไรก็ดี ในวัน April Fool ผมขอย้ำให้นักศึกษาแกล้งกันอย่างมีขอบเขตThe Science of Illusion (2010)
มีขอบเขตอำนาจทางกฎหมาย สักเท่าไรแล้วล่ะ ที่คุณละเมิดเข้าไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา?The Bones That Weren't (2010)
อยู่ในทุ่งหญ้าที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีอะไรล้อมรอบLove in Disguise (2010)
แพทย์อาสา ต่างหาก เป็นหมอที่ไม่มีขอบเขตAs You Were (2010)
ความเป็นเพื่อนน่ะไม่มีขอบเขตหรอกEpisode #1.2 (2010)
เมื่อชีวิตของเธอ มีขอบเขตไปวันๆ... เมื่อทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดEpisode #1.8 (2010)
ทุกอย่างมีขอบเขตจำกัดนะ!Episode #1.18 (2010)
มีขอบเขตของค่าเฉพาะที่ค่อนข้างชัดเจน เราสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะมันได้Gauntlet (2011)
มันก็จริง ที่มีขอบเขตความผิดพลาดบ้าง แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะใช้ได้ ใช่, ถ้าเราโชคดีนะGauntlet (2011)
ผมไม่สนว่าบ้านนี้เป็นยังไง แต่ผมก็มีขอบเขตRoyal Wedding (2011)
แกไม่เข้าใจหรอ เหตุผลที่ผู้คุมเวลาไม่ยุ่งกับฉัน เพราะฉันทำแบบมีขอบเขตIn Time (2011)
ถ้ามีขอบเขตระยะห่าง ของความสัมพันธ์Nebraska (2011)
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่มีขอบเขต ไม่พบว่าแบ่งแยกประเทศหรือสีผิวWorld Leader Pretend (2011)
มีขอบเขต ฉ้นเข้าใจแล้วAnd the Break-Up Scene (2011)
แต่นั่นก็ยังมีขอบเขตของมันEpisode #1.8 (2011)
ฆาตกรรายนี้ไม่มีขอบเขตการฆ่า เป้าหมายเป็นได้ทั้งชายหญิงและเด็ก ไม่มีการเจาะจงอายุหรือเพศThe Collection (2012)
#ก็อย่างที่เขาว่ากัน ว่าท้องฟ้านั้นมีขอบเขตของมัน#Michael (2012)
ผมรู้ แต่มันต้องมีขอบเขตInfamy (2012)
มันจริง ไม่มีขอบเขตเลยGuys, Interrupted (2012)
ฉันรู้ว่ามันมีขอบเขตDo the Wrong Thing (2012)
มีขอบเขต, อเล็กFast Times (2012)
หรือว่าเขากำลังบอกพวกเราว่า เขามีขอบเขตThe Silencer (2012)
ซีไอเอไม่มีขอบเขตอำนาจที่นี่นะครับIce Queen (2012)
ถ้าเป็นความรักที่ไม่มีขอบเขต มันจะเป็นไปได้ไง ที่จะรักคนนึงมากกว่ากว่าอีกคน เพราะมันไม่มีขอบเขตLast Whiff of Summer: Part 1 (2012)
คือ ไม่แน่นอน อย่างที่แม่พูดแหละ ไม่มีขอบเขตLast Whiff of Summer: Part 1 (2012)
ความรักไม่มีขอบเขตLast Whiff of Summer: Part 1 (2012)
ผมคิดว่าแม่เชื่อในเรื่องรักไม่มีขอบเขตซะอีกLast Whiff of Summer: Part 1 (2012)
ใช่จ้ะ รักไม่มีขอบเขต แต่ก็ยังมีเรื่อง ที่ลูกอาจมีความเชื่อมโยงที่พิเศษกับคนอีกคนLast Whiff of Summer: Part 1 (2012)
NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
(adj)ไม่มีขอบเขตSee Also:ไม่จำกัดSyn.unlimitedAnt.limited
(n)ศูนย์บริการออนไลน์ผ่านทางโมเด็มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา มีขอบเขตการให้บริการที่กกว้างขวางมีการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ปริการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตขั้นพื้นฐาน มีข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากสำนักข่าวรอยเตอร์และยูพีไอ
(adj)ซึ่งไม่สิ้นสุดSee Also:ไม่มีขอบเขต, ชั่วกาลนานSyn.illimitable, limitless, unceasing, unending
(adv)อย่างไม่สิ้นสุดSee Also:อย่างไม่มีขอบเขตSyn.eternally
(n)สิ่งที่มีขอบเขตSyn.limit
(n)พื้นที่ที่มีขอบเขตSee Also:อาณาบริเวณ
(adj)ที่มีขอบเขตSee Also:ที่มีขีดขั้นSyn.constricted, small-scale, narrow
(adj)จำกัดSee Also:มีขอบเขต
(n)การทำให้มีขอบเขต
(adv)อย่างมีขอบเขต
(adj)ซึ่งถูกจำกัดSee Also:ซึ่งมีขอบเขตSyn.prohibitive, confining, limiting
(adj)ซึ่งไม่มีขอบเขต
(adj)ไร้ขีดจำกัดSee Also:ซึ่งไม่มีขอบเขตSyn.limitless, measurelessAnt.limited
(adj)ซึ่งวัดไม่ได้See Also:ซีงไม่มีขอบเขตSyn.endless
Hope Dictionary
(อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้Syn.a Go go, a go-go, au gogo
(แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต
(คันเซอ'วะทิฟว) adj. ซึ่งอนุรักษ์ไว้, ซึ่งสงวนไว้, เกี่ยวกับการเก็บรักษา, ซึ่งมีขอบเขต, รอบคอบ, เกี่ยวกับพรรคConservative. n. นักอนุรักษ์นิยม, นักจารีตนิยม, ผู้รักษาสิ่งเก่า ๆ , สมาชิกพรรคคอนเซอวาตีฟ, ตัวกันบูด.See Also:conservativeness n. คำที่มีความ
adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่สิ้นสุดSee Also:endlessness n. ดูendlessSyn.eternal
(ไฟ'ไนทฺ) adj. มีขอบเขต, มีเขตจำกัด, ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจนวัดไม่ได้, ไม่ใช่ศูนย์. n. สิ่งที่มีขอบเขต.See Also:finitely adv. finiteness n.Syn.limited, fixedAnt.infinite, eternal
ตรรกศาสตร์คลุมเคลือหมายถึง แบบหนึ่งของตรรกะ ซึ่งใช้ในระบบผู้เชี่ยวชาญ (expert system) ตรรกะ ประเภทนี้ไม่ใช่มีแต่ ผิด-ถูก (กล่าวคือ ถ้าไม่ถูก ก็ต้องผิด หรือถ้าไม่ผิด ก็ต้องถูก) แต่ตรรกะแบบนี้ มีขอบเขตกว้างขวาง
adj. ซึ่งไม่สามารถจะวัดได้, ไม่มีขอบเขต, นับไม่ถ้วน, เหลือคณานับ.See Also:immeasurably adv.Syn.boundless
(อิเมนซฺ') adj. ใหญ่มาก, มหึมา, มโหฬาร, มากมาย, กว้างขวาง, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, ดีมาก, เลิศ, ยอดเยี่ยม.See Also:immensely adv. immenseness n.Syn.huge, vastAnt.small, little
(อิเมน'ซิที) n. ความกว้างขวาง, ความใหญ่โต, ความมโหฬาร, ความไม่มีขอบเขตSyn.hugeness
(อิน'ฟะนิท) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, สมบูรณ์, ไม่หมดสิ้น. n. สิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด, บริเวณที่ไม่มีขอบเขต, อวกาศ. -Phr. (the Infinite, the Infinite Being พระผู้เป็นเจ้า) .See Also:infinitely adv. infiniteness n. คำที่มีควา
(อินฟิน'นิที) n. ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่มีขอบเขต, สิ่งที่ใหญ่โตเหลือเกิน, จำนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดSyn.endlessness, eternity
เทคโนโลยีสารสนเทศใช้ตัวย่อว่า IT หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications)
(อิท) pron. มัน, นั่น, ตัว, คน, บุคคล, ตัวมาร, ตัวการ, คนสำคัญ, คนโง่. n. คนเล่น, สถานการณ์โดยทั่วไป ไอทีย่อมาจาก information technology แปลว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications)
(ลิม'มิททิง) adj. จำกัด, มีขอบเขต, มีขีดขั้น
(ลิม'มิทลิส) adj. ไม่มีขอบเขตSee Also:limitlessness n. ความไม่มีขอบเขต
(รีสทริค'ทิฟว) adj. จำกัด, จำกัดวง, มีขอบเขต, ถูกกำหนด, คับแคบ, มีลักษณะจำกัดSee Also:restrictiveness n.Syn.restricted
(สเพส'ลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีช่องว่างSyn.limitless
(เทอม'ลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่จำกัด, ไม่มีเงื่อนไข, ไม่มีที่สิ้นสุด
(อันเบาน์'ดิด) adj. ไม่มีจำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่ถูกควบคุม, มากมาย
(อันเอน'ดิง) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่หยุด, ถาวร, อมตะ, ไม่มีขอบเขต
(อันลิม'มิทิด) adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่จำกัด, ไม่บังคับ, กว้างใหญ่ไพศาล, ไม่มีข้อยกเว้น.See Also:unlimitedly adv.Syn.limitless
(อันเมช'เ?ิร์ด) adj. ไม่ได้วัด, ไม่ได้ประเมิน, วัดไม่ได้, ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไพศาล, มากมาย, ไม่มีจังหวะ, ไม่สัมผัสเสียง.
Nontri Dictionary
(adj)ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด
(adj)ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด
(adj)มากมาย, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถวัดได้
(adj)อสงขัย, ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, มากมาย, เหลือคณา
(adj)ถูกจำกัด, น้อย, มีขอบเขต, แคบ
(adj)ไม่จำกัด, ไม่อั้น, มากมาย, ไม่มีขอบเขต
(adj)ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถจะวัดได้, เหลือคณนา
(adj)ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่บังคับ
Longdo Unapproved EN-TH**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
(n)ศาลที่่มีขอบเขตในการตัดสินคดีทั่่วไป
เพิ่มคำศัพท์
add
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ